【REVIEW】The Outer Worlds 2 ผจญภัยในอวกาศสุดเกรียน

The Outer Worlds 2 เกม RPG การผจญภัยในอวกาศสุดเกรียน จิกกัดโลกแห่งความฉ้อฉล อำนาจเงินตราที่อยู่เหนือกฎหมายและความถูกต้อง

The Outer Worlds 2

• Platform: PC, PlayStation 5, Xbox Series X/S
• Genre: Action Role-Playing Game (RPG)
• Developer: Obsidian Entertainment
• Publisher: Xbox Game Studios
• Release Date: 29 ตุลาคม 2025

Text by NAIMA

เชื่อว่าเกมนี้อาจจะไม่ได้อยู่ในสายตาคนไทยเท่าไหร่นัก เพราะตัวเกมภาคแรกก็ไม่ได้มีคนเล่นเยอะมาก แต่จริง  เกมนี้ต้องถือว่ามีชื่อเสียงในต่างประเทศและสร้างชื่อให้กับทาง Obsidian จนไมโครซอฟท์ต้องไปซื้อมาเก็บเป็นคอลเล็คชั่น (ฮา)

The Outer Worlds เป็นเกม RPG มุมมองจากสายตาผู้เล่น หรือเรียกให้ถูกว่ามุมมองบุคคลที่ 1 ซึ่งให้บทบาทตัวเอกเป็นตัวละครที่อยู่ในอวกาศอันกว้างใหญ่ แม้ตัวเกมจะให้อิสระสูง แต่ก็มีเส้นทางจำกัดในแต่ละการเดินทางในดวงดาว รวมถึงมีการกำจัดดวงดาวที่ไปได้ในช่วงต้น  ของเกมด้วย จึงอาจจะบอกว่าเกมนี้ไม่ใช่ Open Worlds แต่เป็น RPG แบบดำเนินเรื่องไปตามเส้นทาง ทว่า... ปรับเปลี่ยนเส้นทางได้หลากหลายรูปแบบและหลากหลายวิธีจากการกระทำและการตอบคำถามต่างๆ 

ภาค 2 ของเกม มีการเปลี่ยนแปลงจากภาคแรกโดยสามารถเลือกมุมมองได้ระหว่างมุมมองบุคคลที่ 1 และมุมมองบุคคลที่ 3 ที่มองจากด้านหลังตัวละคร แถมยังปรับได้ว่าจะให้มองจากด้านหลังใกล้ๆ หรือไกลออกไปก็ได้ โดยการยิงจะใช้มุมแบบโชลเดอร์วิวด้วย

เรื่องราวบนดวงดาวแห่งใหม่ ในฐานะ Earth Directorate

ในภาคนี้ เราจะเริ่มต้นบนดินแดน Arcadia ที่แม้จะอยู่ใจจักรวาลเดียวกันกับ Halcyon ในภาคแรกแต่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย แถมเรายังเริ่มต้นในฐานะผู้บัญชาการยานของ Earth Directorate อีกต่างหาก ต่างจากภาคแรกที่เป็นแค่คนทั่วไปที่ตกกระไดพลอยโจนเข้าไปอยู่ท่ามกลางสงครามระหว่างกลุ่มอำนาจ

ตัวเอกในฐานะ Commander ของยานได้รับคำสั่งให้เข้าไปหยุดยั้งการทดลองในฐานอวกาศ ซึ่งเป็นการทดลองที่เกี่ยวกับรอยแยกของอวกาศ (space-time rifts) อย่างไรก็ตาม การบุกเข้าไปในครั้งนี้ ตัวเอกกลับต้องพบกับเรื่องที่เขาไม่คาดคิดในจุดท้ายสุดของสถานีทดลองและผลของมันทำให้เกิดการระเบิดขึ้นของรอยแยกของอวกาศ และแม้ว่าเขาจะหนีออกมาได้ด้วยแคปซูลช่วยชีวิต แต่ก็ทำให้เขาถูกแช่แข็งหลับไปถึง 10 ปี

ตัวเกมนั้นจะเป็นการเผชิญหน้ากันระหว่างกลุ่ม 3 กลุ่มดังนี้

• The Protectorate – รัฐทหารที่เชื่อว่าความสงบเกิดจากการเชื่อฟัง
•  Auntie’s Choice – การรวมตัวของสองบริษัทจากภาคแรก (Auntie Cleo และ Spacer’s Choice) ที่ขาย เสรีภาพผ่านสินค้า
• Order of the Ascendant – นักวิทยาศาสตร์คลั่งศาสนา ที่เชื่อว่าคณิตศาสตร์คือหนทางสู่การวิวัฒนาการของมนุษย์

ตัวเอกสามารถเลือกกระทำได้อย่างอิสระ จากบทสนทนาและการกระทำของตัวเอง ซึ่งจะมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของตัวเอกกับกลุ่ม 3 กลุ่มหลักนี้ ไม่ว่าจะเข้าข้างฝ่ายไหน หรือต่อสู้กับฝ่ายไหน เนื้อเรื่องอาจจะดำเนินไปให้ช่วยฝ่ายหนึ่ง แต่เราก็สามารถดำเนินเรื่องให้แตกต่างไปได้เช่นกัน 

ระบบสร้างตัวละครที่ลดความซับซ้อน

ในภาคนี้ เราสามารถสร้างตัวละครได้เหมือนภาคแรก แต่ว่ามีการเพิ่มรายละเอียดเช่น แบ็คกราวน์ของตัวเราว่าเป็นโจร นักวิทยาศาสตร์ อาชญากร หรือเจ้าหน้าที่ Earth Directorate ซึ่งพื้นหลังก็จะมีผลกับบทสนทนาของเราเองด้วย 

สำหรับการกำหนดคุณสมบัติหรือความสามารถ มีการกำหนดเป็นคุณสมบัติหลัก หรือ Perk 1 อย่าง ที่เราจะต้องเลือกเช่น เคลื่อนไหวเร็ว, ต่อรองเก่งหรือเพิ่มความสามารถเพื่อนฝูงได้ แต่จุดที่น่าสนใจคือ เราสามารถเลือก Perks เพิ่มได้อีก 1 อย่าง เป็นคุณสมบัติเด่น 2 อย่าง ทว่าเมื่อเลือกแล้ว เราจะต้อง เลือกความสามารถในเชิงลบ หรือ Flaws 1 อย่างด้วย ให้สมดุลกัน เช่น อ่อนแอ หรือเคลื่อนไหวช้า เป็นต้น

ระบบสกิลในตอนเริ่มต้น จะสามารถเลือกความสามารถติดตัวเรามาได้ โดยควรเลือกให้เหมาะกับ Perk และแนวทางการเล่นของผู้เล่นเอง เช่นหากอยากเล่นแบบลอบเร้น ลอบฆ่า ก็ควรเลือก Perk ในการเพิ่มความเร็วเคลื่อนที่ ผสานกับสกิลที่ทำให้มองเห็นได้ยากเป็นต้น แต่ถ้าชอบลุยแบบยิงระยะไกล มากกว่าระยะประชิดก็อาจจะเลือก Perk ในแบบแม่นปืนพร้อมสกิลในการเพิ่มความเสียหายในการโจมตีระยะไกลได้เป็นต้น 

สวยงามขึ้น แต่ก็ยังให้อารมณ์แบบ Art Deco

แน่อนนครับว่า อันเรียล เอนจิ้น 5 ช่วยให้ภาคนี้มีรายละเอียดกราฟฟิคที่พัฒนามากยิ่งขึ้น แถมยังมี HDR และเรย์เทรสซิ่งด้วย ซึ่งด้วยการทำงานบน อันเรียล เอนจิ้น 5 ก็ทำให้เกมสามารถปรับเปลียนมุมมองระหว่างบุคคลที่ 1 และบุคคลที่ 3 ได้สบาย  

จุดที่เกมได้รับคำชมอย่างมากจากภาคแรก คือการออกแบบเมืองและดวงดาว ที่แม้จะเป็นอวกาศ แต่ก็ให้อารมณ์อาร์ท แบบ Art Deco ที่เป็นอวกาศในความเข้าใจของคนในยุค .. 1920 -1930 ถ้าให้เห็นภาพก็อาจจะเป็นภาพยนตร์เรื่อง - Metropolis (1927) ใช้สีเงิน สีทอง เส้นตรงเส้นโค้งตัดกันชัดเจน หรือถ้าเป็นเกมก็ถือว่าใกล้เคียงกับ Bio Shock ถ้าเคยเล่นก็น่าจะเข้าใจอารมณ์เกมนี้ที่เสียดสีความมั่งคั่ง หรูหรา ผ่านกราฟฟิคได้เป็นอย่างดี   

สิ่งที่ยังตามมาจากภาคแรกคือ Moon man หรือเจ้ามนุษย์หัวดวงจันทร์ ที่เป็นมาสคอตของ Spacer’s Choice บริษัทขายสินค้าราคาถูก คุณภาพต่ำ แต่อาศัยการโฆษณาชวนเชื่อในการให้คนติดกับ รวมถึงเป็นบริษัทที่เน้นการทำธุรกิจโดยไม่สนใจความถูกต้อง แม้จะเปลี่ยนจาก Spacer’s Choice ไปรวมกับ Auntie Cleo เป็น Auntie’s Choice แล้ว แต่ Moon Man ก็ยังปรากฏตัวในภาคนี้อยู่ดี 

การต่อสู้ในแบบ 3D ไม่ยาก ไม่ง่าย ถ้าเลือกเล่นแบบปกติ

ในการทดสอบ ผมเลือกเล่นเกมในโหมดปกติ คงต้องบอกว่าตัวเกมไม่ได้ยากอะไรมากนัก ศัตรูยังปรับระดับ AI ไม่ฉลาดมาก แม้จะเห็นศพแล้วสงสัย แต่ก็สามารถหายสงสัยได้เร็ว ตัวผมเองนิยมเล่นเกมในแบบลอบเร้นก็เล่นเกมนี้โดยเลือกเส้นทางที่เน้นการหลบเร้นไปตัดระบบปิดระบบรักษาความปลอดภัย และลอบสังหาร ก็ได้เทสท์ความฉลาดของศัตรูดู พบว่าไม่ฉลาดเท่าไหร่เลย แค่หลบสายตาระยะหนึ่งก็กลับเป็นสีเหลืองจากสีแดงแล้ว ดังนั้นถ้าอยากเล่นลอบเร้นให้ยากขึ้นก็ควรปรับระดับให้สูงขึ้นครับ

ส่วนคนที่ชอบเล่นแบบลุยแหลก ระยะห่างนั้นการเล็งเป้าแล้วยิงให้ผลรุนแรงกว่าการยิงดวลซึ่งๆ หน้า พลังศัตรูจะลดลงเร็วกว่า และยังมีเทคนิคช่วยทำให้ยิงได้แรงขึ้นด้วย กลับกันหากสู้ประชิดตัวก็จะมีสกิลและ Perk ที่ช่วยให้เราโจมตีประชิดตัวได้ดีขึ้น ต้องบอกว่าเกมมีการปรับให้เล่นได้หลากหลาย แต่หากไม่มีสกิลช่วย การเล่นแนวทางอื่นนอกเหนือจาก Perk และ สกิลที่มีก็จะทำให้เกมยากไปด้วย ซึ่งการเลือกเส้นทางบางครั้งเราอาจจะต้องไปจัดการศัตรูแบบปะทะโดยตรง คนที่เลือกสกิลหลบเร้นก็จะลำบากหน่อย แต่ก็ใช่ว่าจะสู้ไม่ได้เลยเพราะมีไอเทมให้ช่วยเล่นได้หลากหลายอยู่

ความน่าหงุดหงิด จากการเลือกที่ไม่เห็นภาพ

การเล่นเกมภาคนี้ก็ยังคงเหมือนภาคแรกที่เราเลือกความสามารถบางอย่าง ทำให้พลาดหลายๆ สิ่ง เช่น เปิดเซฟไม่ได้ เปิดห้องไม่ได้หรือใช้การแฮคหรือการใช้เครื่องจักรก็ทำไม่ได้ มันทำให้อดคิดไม่ได้ว่าหากเราเลือกอีกแบบจะเป็นยังไง ภาคแรกรู้สึกแบบนี้ ภาคนี้ก็รู้สึกแบบเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตาม เกมก็ทำให้เราค่อยๆ เรียนรู้ว่าอะไรสำคัญสำหรับแนวทางการเล่นที่เลือก เช่น หากจะหลบซ่อนไป ต้องหาทางเปิดประตูลับให้ได้มากขึ้นก็จะช่วยได้มากหรือหากสามารถแฮคระบบได้ ก็จะง่ายขึ้นในการเล่นแบบนี้ 

อีกเรื่องที่น่าหงุดหงิดคือ การเลือกคำตอบที่มีมากเกินไป โดยเฉพาะการเลือกขัดสนทนาเพื่อตอบคำถาม บางครั้งก็เห็นผลชัดในความขัดแย้งกับตัวละคร บางครั้งก็ไม่เห็นผลอะไรเท่าไหร่ ทำให้กังวลถึงอนาคต แต่หากจะคิดว่าเลือกตอบแล้วลองเล่นไปก่อนแล้วกลับมาเลือกใหม่ ขอบอกว่าทำไปก็ไม่ค่อยได้อะไร เล่นแบบที่เราชอบใจแล้วลุยไปเลยดีกว่า

เกมต้องใช้เวลา ใช้ความเข้าใจ แต่รับประกันความสนุก

The Outer Worlds เป็นเกมที่มีระบบละเอียด มีแนวทางการเล่นที่ซับซ้อนเพราะอิสระมากในทางเลือก จึงต้องเล่นแบบตั้งใจและเข้าใจให้ได้ก่อนถึงตัวเกม แต่รับประกันได้ว่า จะได้รู้สึกถึงบรรยากาศการค้นหา การเดินทางบนดวงดาวที่กว้างไกล และภาคนี้กำจัดจุดอ่อนในการปรับแต่งที่เยอะไปในภาคแรกมาสู่การปรับแต่งที่เริ่มโฟกัสแนวทางการเล่นมากขึ้น จุดอ่อนน่าจะเป็นหากคนไม่ชอบ RPG สไตล์แอ็คชั่นยิงกันแบบนี้ ควรผ่านไป...

▱▰▱▰ INFO ▱▰▱▰

ข่าวอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง  FB MEGAXGAME  Review

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น