【Review】 Clair Obscur: Expedition 33 ใจรักทำให้ Turn base ฟื้นคืนชีพ

ตั้งแต่ตัวเกมเปิดตัวเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาในงานของ Xbox ผมก็จับตามองเกมนี้ว่าเป็นหนึ่งในสองเกม (อีกเกมคือ Threads of Time ที่เป็นเกม RPG แบบ เทิร์นเบสเหมือนกัน) ที่น่าสนใจมากๆ  ด้วยความที่ตัวเกมเป็นเทิร์นแบส RPG ขนานแท้ กราฟฟิคดูน่าสนใจ และมีการเล่าเรื่องราวในเทรลเลอร์ที่ทำให้คิดว่าเราอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโลกนี้ ผมไม่ได้ตื่นตาไปกับระดับกราฟฟิค หรือเดเวอลอปเปอร์ 30 คน แต่มองว่านี่น่าจะเป็นเกมที่น่าเล่นมากเกมหนึ่งที่ยังไงก็คงต้องลอง และพอลงบน Xbox Game Pass ก็ทำให้มั่นใจว่า ยังไงก็ได้ลองแน่ ๆ (ฮา)

Clair Obscur: Expedition 33

  • Genre: Turn-based combat JRPG
  • Platform: Microsoft Windows, PlayStation 5, Xbox Series X|S
  • Developer: Sandfall Interactive
  • Publisher: Kepler Interactive
  • Release Date: 24 April 2025

Text by: Naima

เรื่องราวของโลกที่ทุกๆ ปี จะต้องมีคนเสียชีวิตจาก เธอ" ซึ่งเป็น นักวาดภาพ" โดยเมื่อใดที่เธอวาดภาพตัวเลขลงบนแท่นหิน คำสาปของภาพ จะทำให้คนที่อายุเท่ากับเลขนั้น เสียชีวิตกลายเป็นฝุ่น

เรียบง่ายและเข้มข้น

เรื่องราวเกิดขึ้นมาตั้งแต่เริ่มต้นที่ 0 กลุ่มแรกที่ถูกส่งเข้าไปในดินแดนของ Paintress ไล่มาเรื่อย ๆ จนถึงกลุ่มผู้เดินทาง รุ่นที่ 33 หรือ Expendition 33 ซึ่งจะต้องตามรุ่นแรก ๆ เข้าไปทำให้ Paintress ไม่สามารถวาดตัวเลขลงบนหินได้ เพื่อจบความตายที่แสนเศร้านี้เสียดี

Gustave วิศวกรหนุ่มผู้ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวแทนที่จะเดินทางเข้าไปในดินแดนของ Paintress เขาและเพื่อนสนิท Maelle ร่วมเดินทางกับเพื่อน ๆ รุ่น 33 ไปยังดินแดน Paintress เพื่อเป้าหมาย เพื่อวันพรุ่งนี้ และเพื่อคนที่จะตามมา หากภารกิจล้มเหลว...

RPG Linear ที่มีแผนที่และมินิเกม

แม้จะมี MAP แต่การดำเนินเกมของ Clair Obscur: Expedition 33 ก็ยังคงเป็นแบบเส้นตรง เกมมีเป้าหมายที่จะต้องไป แม้จะไปทำเควสท์ย่อย หรือมินิเกมได้ แต่เนื้อเรื่องยังคงเป็นทางเดินหลัก ที่ไม่ได้สามารถไปเคลียร์เรื่องราวหลักอื่นก่อนได้เหมือนเกมที่เนื้อเรื่องหลักเปลี่ยนแปลงได้อย่างเดอะวิชเชอร์ ซึ่งเรื่องราวของเกมจะสลับไปมาระหว่าง ดันเจี้ยนที่เราพบในแผนที่โลก กับ การเดินไปมาบนแผนที่โลก

แม้เกมนี้จะเรียบง่าย ไม่ต้องค้นหาเนื้อเรื่องมากนัก แต่ก็มีจุดที่ทำให้คนเล่นรู้สึกอยากค้นหา คือฉากในดันเจี้ยนที่ค่อนข้างกว้าง มีจุดซ่อนที่หลอกตาได้เยอะในแบบ 3D และที่สำคัญ ไม่มี มินิแมป ซึ่งหลายคนบอกว่าเป็นจุดบอด แต่สำหรับผมมันดีมากเลย เพราะผมเล่นเกมที่มีมินิแมป มันมีข้อดีตรงไม่หลง แต่ข้อเสียคือง่ายไปหมด การไม่มีมินิแมปอาจจะทำให้รู้สึกวุ่นวาย วิ่งวนไปวนมา แต่ในข้อที่เกมไม่ได้ยาวมาก ทำให้เรามีเวลาค้นหาได้เต็มที่

สู้เทิร์นเบสยังไงให้ไม่เบื่อ

เกมนี้เป็นเทิร์นเบส อาร์พีจี ขนาดแท้แบบไม่มี ATB หรือเวลามาเกี่ยวข้องเลย ถ้าเราไม่กดอะไร มันก็จะนิ่งอยู่แบบนั้นแหละ จึงถือเป็นเกมเทิร์นเบสแบบสลับ 100% ไม่มีเรื่องเวลา แต่กลับเล่นแล้วไม่เบื่อ

ก่อนจะมาพูดถึงเหตุผล มาดูเบสิกของเกมกันก่อน เกมนี้ในการโจมตีเทิร์นของเรา จะมีการโจมตีแบบปกติ 2 แบบ คือเล็งยิงด้วยอาวุธไกล และการโจมตีปกติด้วยอาวุธหนัก การเล็งยิงใช้ AP เป็นพลังในการโจมตี ส่วนการโจมตีปกติไม่ใช้อะไรเลย แต่ก็มีจุดเด่นที่สามารถสะสม AP ได้จากการโจมตีปกติ อีกคำสั่งคือใช้ไอเทม ที่จะมีจำนวนไอเทมให้ใช้จำกัดตามรอบการพัก

ทีนี้มาดูเหตุผลที่ไม่เบื่อกันบ้าง เพราะแม้เกมนี้จะเป็นเทิร์นเบส แต่เกมนี้ใช้รูปแบบของ QTE หรือ Quick Time Event โดยในเทิร์นของเรา ส่วนที่เป็น QTE คือการใช้ท่าต่าง ๆ จะมีการกด QTE ให้ลูกศรตรงกับแถบ ถ้าได้ Perfect ผลก็จะรุ่นแรงหรือกว้างขึ้น ในกรณีที่กดพลาด ผลก็จะเบาหรือบางท่าก็ไม่ออกเลย

กลับกันในเทิร์นของศัตรูกลับสำคัญกว่า เพราะระบบ QTE ในเทิร์นศัตรู คือการ หลบหลีก สวนกลับ หรือ กระโดด โดยเกมจะมีพื้นฐานคือ หลบหลีก หรือสวนกลับ หลบหลีกจะง่ายกว่าสวนกลับ แต่การสวนกลับ ถ้าทำได้ครบจำนวนการโจมตีทั้งหมดของศัตรู ก็จะมีการสวนกลับเกิดขึ้น และโดยมากก็จะลดพลังรุนแรง เผลอๆ จะแรงกว่าท่าไม้ตายเสียอีก

ส่วนการกระโดด จะมีท่าของศัตรูที่มีสัญลักษณ์ที่ต้องกระโดดหลบ ซึ่งการกระโดดจะสามารถทำการสวนกลับได้เลย จึงเป็นจุดที่ทำให้เกมสนุก ไม่น่าเบื่อในการต่อสู้จากการที่ต้องตั้งสมาธิในการเล่นแบบนี้

วางส่วนประกอบไว้ได้ลงตัวและสมดุล

ในการต่อสู้ ยังมีรายละเอียดอื่น ๆ ที่ทำให้เราเพลินกับการเล่นอีกมากครับ เช่น จุดแข็ง จุดอ่อนศัตรูอีกที่ต้องสังเกต ศัตรูบางตัวโจมตีปกติ หรือท่าไม้ตายจะหลบได้ ต้องโจมตีด้วยการยิงเท่านั้น หรือบางตัว ถ้ายิงตรงจุด จะลดพลังได้มาก หรือทำให้การต่อสู้ง่ายขึ้นจากการที่ชิ้นส่วนขาดออกไป

การโจมตีของศัตรูที่ต้องหลบ หรือสวนกลับ ก็ไม่ได้ทื่อ ๆ แต่มีจังหวะที่ต้องอ่าน หรือบางทีต้องฟังเสียงของศัตรู บางตัวโจมตีเร็ว แต่กระสุนออกมาช้าทำให้เราหลบ หรือสวนกลับก่อน ส่งผลให้พลาดได้ง่าย ๆ ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูโดยเฉพาะศัตรูใหม่ ๆ จะมีความสนุกและน่าสนใจทุกครั้ง

ส่วนของค่าพลังต่าง ๆ เช่น ความเร็ว ก็มีผลต่อการสวนกลับ ศัตรูที่เจอหากเลเว่ลเราไม่พอ ศัตรูจะโจมตีได้เร็วมาก ในขณะที่เข้าไปในเลเว่ลที่สูงขึ้น การเคลื่อนที่ของศัตรูจะช้าลงด้วย ตรงนี้ก็มีส่วนเพราะหลายครั้งที่ย้อนกลับไปฉากเดิมแล้วพบว่ากะการโจมตีสวนผิดพลาดเพราะศัตรูช้าก็มี

เรื่องธาตุการโจมตี ก็เป็นจุดเด่นอีกจุด ที่ทำให้การต่อสู้ของเกมนี้น่าสนใจ การแพ้ธาตุ ไม่แพ้ธาตุ มีผลต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นมาก รวมถึงอาวุธเอง ก็มีธาตุ และพลังเสริม ที่ต้องพิจารณาให้ดีในการอัพเกรดตัวละครในแต่ละครั้งด้วย

กราฟฟิค และเสียงที่สุดยอด

สิ่งที่ไม่พูดไม่ได้ คือเกมนี้ถูกพัฒนาโดยทีมงานเพียง 30 คน แต่มีระดับของกราฟฟิคที่ยอดเยี่ยมเอามาก ๆ รายละเอียดของฉากทำให้รู้สึกถึงความตั้งใจ ฉากใต้น้ำ ฉากทุ่งดอกไม้ มีความสวยสดงดงามทั้งสีสันและองค์ประกอบ ฉากโลกที่แปลกประหลาดแฟนตาซี อย่างของที่ลอยบนฟ้า หรือซากอาคาร มีความเข้ากันอย่างลงตัวเกมบรรยากาศเกมมาก ๆ เพราะเป็นโลกของ Paintress นั่นเอง

ในส่วนของโมเดลตัวละคร ก็ทำมาได้เยี่ยมครับ การแสดงสีหน้าตัวละคร เวลายิ้มเยาะ เวลาที่เสียการควบคุมตัวเอง มันให้อารมณ์ที่สมจริง ทำให้เกมเล่าเรื่องได้อย่างเข้มข้นและดุดันเอามาก ๆ ความที่ตัวละครแต่ละคนมีบุคลิคลักษณะที่แตกต่าง และแสดงออกมาได้ดีแบบนี้ ยิ่งทำให้รู้สึกสมจริงมาก ๆ ผมรู้สึกคุ้นหน้าของ Gustave มากจนรู้ว่าคนให้เสียงคือ ชาร์ลี คอกซ์ จากแดร์ เดวิล ที่ดูผ่านตามาจนถึงบอร์นอเกน ต่างแค่ตาไม่บอดแค่นั้น (ฮา)

ตัวละครหญิงของเกมก็มีความโดดเด่นแทบทุกคน ซึ่งตัวละครที่ผมเชื่อว่าหลายคนสะดุดตาและรู้สึกหลงรักเธอคือ Lune ที่มีผู้พากษย์คือ Kirsty Rider ซึ่งเป็นนักแสดงละครในโรงละคร รวมถึงเป็นนักเขียนด้วย

เสียงเพลงประกอบ ทำให้รู้สึกอินไปกับบรรยากาศของเกมที่ทำให้เหมือนภาพในหนังสือจินตนาการแฟนตาซียุคเก่า ๆ มาก เพลงร้องที่ทำให้บรรยากาศของเกมดูเหมือนนั่งฟังละครเวที เหมือนหนังเก่า ๆ ที่มีเสียงหวาน ๆ เศร้า ๆ ของหญิงสาวหลอนหลอกไปทั่ว ทำให้รู้สึกอินกับเกมได้ครับ แม้จะเป็นเพลงช้า แต่กลับไม่ได้ทำให้เกมน่าเบื่อเลย

ข้อเสียของเกมล่ะ

ก็ไม่ถึงกับไม่มีเลยครับ ตัวเกมยังมีจุดที่เข้าไปติดได้ ซึ่งวิธีการเล่นก็ต้องโหลดเซฟเกมเก่า ซึ่งระบบบังคับเซฟ ก็ไม่ถือว่าดีครับ มีออโต้เซฟเป็นเรื่องดี แต่ไม่สามารถเซฟเกมเองได้ อันนี้ไม่ดีเท่าไหร่ นอกจากนั้น ยังมีจุดที่บั๊กอยู่พอสมควร แต่ไม่ใช้บั๊กเสียหายร้ายแรงอะไร แค่กระโดดไปเรื่อย ๆ ก็ผ่านได้ เรียกว่าเป็นข้อเสียเรื่องที่แม้แต่เกม AAA ก็เป็นดีกว่าครับ

สมดุลคือความสนุก

จากทั้งหมด ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า Clair Obscur: Expedition 33 คือเกมที่มีความสวยงาม เพลงเพราะ นักแสดงโดดเด่น และที่สำคัญ เล่นสนุก โดยมีองค์ประกอบรวม ๆ ของเกมที่ดี อยู่ครบครัน อาจจะไม่ใช่แนวของคนเล่นเกมบางแนว แต่เชื่อว่าถ้าเป็นคนชอบเกม RPG และ เล่น JRPG เกมนี้ ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ

สนับสนุนการรีวิวโดย BandaiNamco Entertainment

▱▰▱▰ INFO ▱▰▱▰

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม ❖ FB Bandai Namco Entertainment  
ข่าวอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง FB MEGAXGAME Review

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น