【Review】Life Is Strange: Double Exposure โลกแห่งภาพซ้อนที่ไม่ซับซ้อน

หลังจากภาคแรกและภาคบีฟอร์เดอะสตรอม ผมก็ไม่ได้เล่นภาค 2 โดยส่วนตัวเกมนี้น่าจะจบตั้งแต่ภาคแรก ภาค บีฟอร์เดอะสตรอม เหมือนเรื่องราวที่ขยายเท่านั้น จนกระทั่งมาถึงภาคนี้ ดับเบิ้ล เอกซ์โพลเซอร์ ภาพซ้อนที่แทบจะอธิบายตัวเกมตั้งแต่ชื่อภาค

Life Is Strange: Double Exposure

  • Release date: 29 October 2024
  • Platforms: PlayStation 5, Xbox Series X/S, Nintendo Switch, PC Steam
  • Genres: Adventure
  • Publishers: Square Enix, Bandai Namco Entertainment

Text by: Naima

เรื่องราว 10 ปี ให้หลัง

เริ่มต้นมาสำหรับภาคนี้ แทบจะไม่ได้เล่าอะไรมากนัก คนไม่เคยเล่นภาคแรกคงอึ้งกันมาก เพราะตัวเกมเริ่มแบบไม่ได้เล่าอะไรเลย เปิดมาก็เข้าภาคใหม่ทันที และไม่มีแฟลชแบ็คให้เข้าใจเรื่องราวภาคต้นด้วย ก็คงต้องบอกว่าแฟนเท่านั้นถึงจะรับตรงนี้ได้นะครับ

เรื่องราวเกิดขึ้นหลังจากภาคแรก 10 ปี โดยตัวเอก แมกซ์ คอลฟิลด์ (Max) เดินทางจาก อาร์คาเดีย เบย์ เมืองที่เธอกับโชลอี้เติบโตมายัง มหาวิทยาลัยเคลดอน เลกพอร์ท เวอร์มอนท์ โดยหลังใช้ชีวิตที่นี่ได้ระยะหนึ่ง เธอมีเพื่อนคนใหม่คือ ซาฟี่ (Safi) ทั้งคู่สนิทกันมาก เธอร่วมเดินทางกับแมกซ์ไปถ่ายรูปในตึกร้าง และในคืนวันที่ 4 ธันวาคม ซาฟี่ก็ถูกยิงตาย โดยที่ไม่มีใครรู้ตัวฆาตกร



อารมณ์ยังต่อเนื่อง

ส่วนตัวผมเองที่เคยเล่นภาคแรก ยอมรับว่า แมกซ์ในภาคนี้ ทำให้คิดถึงภาคแรกมากอยู่ แมกซ์ในวัย 28 แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนไปคือจุดเด่นของภาคนี้ที่ทำให้เราไม่รู้สึกแปลกแยก ระหว่างแมกซ์ ตอนไฮสคูล กับแมกซ์ ในตอนนี้ 

อย่างไรก็ตาม ความที่เธอโตขึ้นทำให้บรรยากาศรอบด้านไม่เหมือนเดิมสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะเรื่องราวของตัวละครรอบ ๆ ที่ต่างไปมาก ความลับ ความไม่เชื่อใจ การต่อสู้กันทางอารมณ์เยอะกว่าเดิมมาก

จุดดีคือแม้จะเปลี่ยนทีม แต่บรรยากาศและอารมณ์เกมยังเหมือนเดิม การแสดงภาพต่างๆ ดนตรี และองค์ประกอบโดยรวมของเกมทำให้รู้สึกอินไม่แตกต่างจากเดิม ไม่รู้สึกเป็นเกมที่แปลกแยกไป เรื่องราวและการแสดงบรรยากาศด้วยภาพและเสียงจึงถือเป็นส่วนดีของเกมนี้



Romance ความรักในเกมมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น

สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปก็คือ แมกซ์ สามารถจีบตัวละครอื่นได้ ซึ่งในเกมนี้มีทั้งฝ่ายชาย และฝ่ายหญิง โดยเราเลือกจะตอบคำถามแบบสร้างความสัมพันธ์ และนำไปสู่ความสัมพันธ์แบบผู้ใหญ่ได้  โดยสามารถพัฒนาไปทั้งคู่ หรือพัฒนาเพียงคนเดียวก็ได้

การที่แมกซ์เป็นตัวเอกหญิง แต่มีคู่โรแมนซ์เป็นฝ่ายหญิงด้วยนั้น ไม่ได้แปลกอะไรเพราะภาคแรก ตัวละครหลักสองคนที่รักกัน (ในตอนเด็ก) ก็เป็นหญิงทั้งคู่ โดยแมกซ์ สามารถเลือกตอบคำถามในภาคนี้ได้ว่า โชลอี้ เป็นคู่รักหรือเพื่อนของเธอ

การจีบกันก็ไม่ได้มีเฉพาะการเจอหน้าตอบคำถาม แต่สามารถใช้เทกซ์ในโทรศัพท์จีบได้ เพียงแต่ค่อนข้างบังคับ ไม่ได้อิสระมากเหมือนเกมจีบสาว ดังนั้นการจีบในเกมก็ไม่ค่อยต่างกับเกมปริศนาทั่ว ๆ ไป ไม่ได้เป็นจุดเด่นแต่อย่างใด



คล่องตัว ไม่อืดอาด แต่อึดอัดและวุ่นวาย

ถ้าเทียบกับภาคแรกและบีฟอร์เดอะสตรอม ภาคนี้มีการเคลื่อนไหวที่คล่องตัวขึ้น การใช้คำสั่งกดปุ่มต่าง ๆ ไม่ชักช้า ทำให้เล่นแล้วไม่รู้สึกรำคาญตอนกดปุ่มเหมือนภาคแรก การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วทำให้เกมไม่น่าเบื่อแม้จะเป็นเกมที่ต้องคุยเยอะ

อย่างไรก็ตาม ความเยอะของเกมอยู่ที่การเพิ่มเติมรายละเอียดมา เช่นการเล่นโซเชียลในโทรศัพท์ การตอบแชท การโพสต์รูปต่าง ๆ ทำให้รู้สึกว่า เยอะไปไหม กับการที่ต้องไปทำเรื่องปลีกย่อยเช่นนี้

ส่วนของการถ่ายรูป ไม่เหมือนเดิมอยู่เยอะ เพราะเราไม่ได้สามารถทำอะไรได้ตามใจชอบมากนัก จุดนี้ทำให้อึดอัด นอกจากนี้เส้นทางต่าง ๆ ยังบังคับ ต่างจากภาคแรกมาก ๆ ถือเป็นจุดที่ทำให้เล่นแล้วรู้สึกมันเป็นเส้นตรง แม้เกมจะมีจุดให้เลือกเยอะก็ตาม



ซ่อนความลับไว้เยอะ แต่ไม่ยาก

จุดที่ดีของเกมอีกอย่างคือจุดซ่อนของเกมที่มีอยู่อย่างพวกภาพต่าง ๆ ที่สำรวจ หรือการตอบคำถามเนื้อเรื่องให้มีผลดีขึ้นจากการค้นหาข้อมูลในฉากก่อน รวมถึงพัสเซิลต่าง ๆ ที่แอบเอาไว้ เล่นเอาต้องเล่นวนกันหลายรอบ แถมอย่างที่บอก เล่นหลายรอบก็ยังไม่เบื่อ เพราะเกมเร็วนั่นเอง

ทว่าประเด็นก็คือเกมเล่นในพื้นที่แคบกว่าภาคแรก ทำให้เกมตรงกว่า หาเจอง่ายกว่า ตีความก็ง่ายกว่า ต่างจากาภคแรกที่ตีความยาก บางทีเล่นเป็นสิบรอบก็ยังไม่ผ่าน


ดีที่อารมณ์ แย่ก็จากอารมณ์

แม้ว่าในตอนต้น ผมจะบอกว่าเกมมีจุดดีที่การให้ภาพและเสียงแสดงอารมณ์ แต่เอาจริง ๆ ปัญหาก็คืออารมณ์ของเกม มู้ดของเกม ต่างจากตอนเด็กโดยสิ้นเชิง การกระทำต่าง ๆ ของตัวละคร หรือบทบาทมีสิ่งที่สะท้อนถึงความมึดดำ และปัญหาในการดำรวชีวิตอยู่มาก

คนเล่นภาคแรก จะรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของเหล่านักเรียน ที่ชัดเจนในพฤติกรรม แม้ว่าผู้ใหญ่จะชัดเจนในพฤติกรรม แต่ก็ชัดเจนในแบบมีความลับและความดำมืด เป็นจุดที่ดีที่แสดงความจริงสมกับวัย แต่จุดเสียคือเล่นแล้วมู้ดมันแย่ ให้ความรู้สึกหดหู่มากกว่ามีอารมณ์ร่วมสนุกสนาน

สิ่งที่ทำให้เล่นเกมได้จนจบ คือความอยากรู้เนื้อเรื่อง ซึ่งแม้จะซับซ้อน ในแบบเดียวกับคำว่า ภาพซ้อน ของชื่อตอน ดับเบิ้ลเอกซ์โพลเซอร์ แต่เล่นจริง ๆ กลับไม่ได้รู้สึกซับซ้อนขนาดนั้น ความผิดปกติของเหตุการณ์ ความน่ากลัว น่ากังวล ก็ไม่ได้มากเท่าภาคก่อน เล่นจบแล้วก็ไม่รู้สึกเหมือนชนะเกม แม้จะพยายามจบให้ดี แต่ก็ยังรู้สึกว่า ชีวิตมันแย่อยู่ดี

ปริศนา บรรยากาศ เกมเพลย์ ดี มีปัญหาแค่สนุกไม่พอ

โดยรวมแล้ว ต้องบอกว่าเกมนี้ทำงานออกมาได้ดีนะครับ ทำการบ้านเรื่องบรรยากาศ อารมณ์ ได้ต่อเนื่องกับภาคแรก ผมไม่รู้สึกแย่เหมือนหลาย ๆ คนเกี่ยวกับโชลอี้ เพราะก็คิดว่ามันต้องเป็นแบบนั้นแหละชีวิต เกมเพลย์ก็ทำได้ดี ทั้งการกดปุ่ม ทั้งการเคลื่อนไหว และรายละเอียด เพียงแต่เล่นแล้ว มันแค่เล่นเพราะอยากรู้ ไม่รู้สึกสนุกสนานสักเท่าไหร่ ถ้าให้คะแนนมันก็เลยลำบากใจ เพราะถ้าเอาภาพ เสียง เนื้อเรื่อง ถือว่าดีครับ แต่เล่นแล้วอึดอัด เท่านั้นครับ

▱▰▱▰ INFO ▱▰▱▰

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม FB Bandai Namco Entertainment
ข่าวอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง FB MEGAXGAME Review

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น